"อินฟราเซท" ผู้ให้บริการรับเหมาก่อสร้างกับผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีฯ ยื่นไฟลิ่งขาย “ไอพีโอ” 146 ล้านหุ้น ปักธงเทรด mai ระดมทุนขยายธุรกิจ
"อินฟราเซท" ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 146 ล้านหุ้น เข้าตลาด mai เล็งใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนใช้ขยายธุรกิจ-เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บมจ.อินฟราเซท ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 23 เม.ย.62 เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 146 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.07% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยบริษัทจะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
อินฟราเซท ให้บริการรับเหมาก่อสร้างกับผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งสามารถแบ่งการให้บริการของบริษัทเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่ (1) ธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Data Center & Information Technology Infrastructure) (2) ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม (Telecommunication Infrastructure) และ (3) ธุรกิจงานซ่อมบำรุงและบริการ (Maintenance and Service) ด้านศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศรวมถึงโครงข่ายโทรคมนาคม
บริษัทมีโครงการสำคัญที่อยู่ในแผนดำเนินงาน คือ โครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (โซน C) หรือโครงการ USO (Phase 2) พื้นที่ภาคเหนือจำนวน 2,289 หมู่บ้าน และภาคกลาง 1,917 หมู่บ้าน ซึ่ง AI Consortium ที่จัดตั้งขึ้นตามสัญญาคอนซอเตียมระหว่าง บมจ.แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (AIT) และอินฟราเซท เป็นผู้ชนะการประมูลงานดังกล่าวจากบริษัทในกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยมูลค่างานในส่วนของบริษัท 538.38 ล้านบาท
ณ วันที่ 31 มี.ค.62 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 280,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 560,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 207,000,000 บาท ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 146,000,000 หุ้นในครั้งนี้แล้วบริษัทจะมีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้วครบตามจำนวน
ผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ ครอบครัวพุกกะณะสุต โดยมีนายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต ถือหุ้น 212.85 ล้านหุ้น คิดเป็น 51.41% หลังเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 38.01% และนายบุญสมิทธิ์ พุกกะณะสุต ถือหุ้น 62.70 ล้านหุ้น คิดเป็น 15.14% จะลดสัดส่วนลงเหลือ 11.20%, ว่าที่ ร.ต. สุรพันธ์ เตไชยา ถือหุ้น 24 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.80% จะลดสัดส่วนลงเหลือ 4.29% และนายเมธา โชติอภิสิทธิ์กุล ถือหุ้น 21.45 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.18% จะลดสัดส่วนลงเหลือ 3.83%
ผลประกอบการในช่วงปี 59-61 บริษัทมีรายได้รวม 451.36 ล้านบาท, 530.29 ล้านบาท และ 1,007.12 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รองลงมาเป็นธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม โดยแต่ละปีมีอัตรากำไรขั้นต้น 18.46%, 19.38% และ 17.43% ตามลำดับ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 28.37 ล้านบาท, 22.76 ล้านบาท และ 60.48 ล้านบาท ตามลำดับ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มขึ้นในแต่ละปีตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนพนักงานเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 43.14 ล้านบาท, 63.91 ล้านบาท และ 94.56 ล้านบาท ตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ณ สิ้นปี 61 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 606.73 ล้านบาท หนี้สิน 247.51 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 359.22 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังจากหักเงินทุนสำรองต่างๆ ตามกฎหมาย และเงินสำรองอื่นๆ (ถ้ามี)
ข้อมูลจาก
ผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/stockmarket/detail/9620000040427?fbclid=IwAR0uXF-df0RvYgr2UUI3x5Ysi5kN-Z8dsFe2w-VKu6dcoNI1NQqRSqbaj18